ReadyPlanet.com


ประวัติ หลวงปู่หลิว ปณฺณโก วัดไร่แตงทอง “เทพเจ้าพญาเต่าเรือน”


หลวงปู่หลิว ปณฺณโก นับเป็นผู้ทรงอภิญญา และก็มีพุทธาคมเด่น ท่านเป็นคนที่มีเมตตา พร้อมที่สามารถช่วยเหลือคนที่ประสบทุกข์ ท่านพร้อมที่จะสร้าง พร้อมที่จะเอื้อเฟื้อ ให้กับบวรศาสนาพุทธ ท่านไปอยู่ยังที่แห่งใดก็เปรียบได้เสมือนดั่งตะเกียงของตรงนั้น จนกระทั่งท่านขึ้นชื่อว่า พุทธลูก ที่ทุกคนสรรเสริญในตอนที่หลวงปู่หลิวยังมีชีวิตอยู่นั้นท่านได้ใช้ความรู้ต่างๆที่ท่านมี บูรณแก้ไขฟื้นฟู สร้างเสนาสนะต่างๆข้างในวัด อย่างเช่นโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ โดยไม่ได้หยุด

หลวงปู่หลิว ปณฺณโก เคยตั้งประณิธานด้วยสัจจะ 2 ประการเป็น

1. ลดเลิกอบายมุขทุกจำพวก

2. เมื่อได้โอกาสจะสั่งสมบารมี ด้วยการผลิตเสนาสนะข้างในวัด ตัวอย่างเช่นโบสถ์ วิหาร กุฎี ศาลาการ เปรียญ ตราบจนกระทั่งชีวิตจะหาไม่

ความมุ่งมาดปรารถนาอันแรงกล้าของหลวงปู่หลิวได้ผลสำเร็จให้สิทธิบารมีของคุณพระศรีรัตนตรัย แล้วก็สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายแหล่ที่สถิตย์ทั่วจักรวาล บันดาลใจ ให้แด่คุณมี ถ้อยคำสิทธิ์ กับ ญาณทิพย์ มาขจัดปัดเป่าความทุกข์ใจโศกของเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่ายากดีมีจนถึงไม่ว่าใกล้ไกลตรงไหนท่านก็จะถามหาความเป็นอยู่ของทุกคนท่านได้ช่วยเหลือกระทั่งหมดไป

วัยเยาว์

หลวงปู่หลิว ปณฺณโก มีนามเดิมว่า หลิว ชื่อสกุล แซ่ตั้ง (นามถาวร)

พ่อมีนามว่า ป๊ะป๋าเต่ง แซ่ตั้ง คุณแม่มีนามว่า ม่าม้าน้อย แซ่ตั้ง ท่านกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดีขึ้น 11 เย็น เดือนอ้าย พุทธศักราช2448 ปีงูเล็ก ( วันเกิดตามหลักฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์เป็น วันศุกร์ที่ 3 ธ.ค. พุทธศักราช2451 ) ที่หมู่บ้านหนองอ๋อ ตำบลบ้านราชสีห์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี มีญาติร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งสิ้น 9 คน

ครอบครัวของหลวงปู่หลิว อยู่ในต่างจังหวัดที่ห่างไกลความรุ่งเรือง บิดามารดามีอาชีพทำไร่ทำนา ต่างคนต่างจำเป็นต้องช่วยเหลือกันหาเลี้ยงชีพกันไปตามสถานการณ์ หลวงปู่หลิวในวัยเด็กมีความคิดที่ต่างจากเด็กในวัยเดียวกันอย่างสิ้นเชิง แทนที่จะไปวิ่งเล่นตามประสาเด็กในวัยเดียวกัน แม้กระนั้นหลวงปู่หลิว กลับแลเห็นความยากแค้นของบิดามารดา และก็พี่ๆหลวงปู่หลิวก็เลยได้ช่วยงานของบิดามารดา แล้วก็พี่ๆอย่างขยันขันแข็ง ทำให้เป็นสุดที่รักต้องการของบิดามารดา ตลอดจนญาติพี่น้องเป็นอย่างยิ่ง ด้วยมีความขยันรวมทั้งตั้งมั่นทรหดอดทน ทำให้หลวงปู่หลิวได้ทำความเข้าใจวิชาช่าง พร้อมกันไปกับกระบวนการทำนา ด้วยเหตุว่าพ่อนั้นเป็นช่างไม้ชำนาญคนหนึ่ง

เมื่อเติบโตหลวงปู่หลิว ก็เลยมีฝีมือทางช่างยอดเยี่ยมจนกระทั่งเป็นที่ยอมรับของราษฎรโดยธรรมดา ในบางครั้งหลวงปู่หลิวท่านจำต้องไปรับจ้างบุคคลอื่นเพื่อได้เงินมา ท่านจำต้องเดินทางไกล เพื่อไปปฏิบัติงาน บางเวลาการไปกลับใช้ระยะทางราวๆ 20 กิโล จำเป็นต้องฟันฝ่ามรสุมต่างๆนานา บางคราวทำให้คุณถึงกับล้มป่วยไปเลยก็มี เพราะฉะนั้นก็เลยทำให้หลวงปู่ท่านมีความรู้และมีความเข้าใจเกี่ยวกับยาสมุนไพรเยอะมาก ( เพราะเหตุว่าหลวงปู่หลิว ท่านมีลักษณะเด่นอยู่ในตัวท่านเองเป็น มีความสำคัญเยี่ยม )

ครอบครัวโดนรังควาน

ในแต่ก่อนจังหวัดราชบุรี เพชรบุรี จังหวัดนครปฐม ถือได้ว่าแหล่งดินแดนเสือ ป่าดงอันธพาล มีขโมยมาก ครอบครัวของท่านก็โดนรังควานจากพวกกลุ่มโจรมิจฉาชีพเหมือนกัน ท่านกล่าวถึงเหตุในช่วงเวลานั้นว่า” โยมบิดาโยมแม่เป็นคนซื่อ ขโมยมาลักขโมยโค ลักขโมยควายก็ไม่ได้ต่อสู้ต่อต้าน ทำให้จำเป็นต้องสูญเสียของใช้ที่หาได้มา อาตมภาพก็เลยแค้นใจโกรธ เป็นที่สุด ที่จะทำอะไรมันได้ “ดังนั้นหลวงปู่ก็เลยคิดหาวิถีทางช่วยเหลือครอบครัว รวมทั้งประชาชนด้วยการศึกษาวิชามนต์

เข้าป่าเรียนคาถา

หลวงปู่ก็เลยเชิญพี่น้องลูกพี่ลูกน้อง 2 คน หนีออกมาจากบ้าน มุ่งสู่ดินแดนชาวกระเหรี่ยง เข้าป่าลึกก็จำต้องนอนตามโคนต้นไม้ ตอนกลางดึกน้ำค้างแรง เหน็บหนาว ยุงป่ามาก เสียงเสือขู่คำรามมาแต่ไกล ปัญหาขวางทางสหายร่มทางได้ตายไปหนึ่งด้วยพิษมาลาเรีย จะเอาศพกลับไปอยู่บ้านก็ไกลเกิน ก็เลยตกลงกันฌาปนกิจศพกึ่งกลางป่า แล้วนำกระดูกใส่ห่อผ้าประจำตัวไปด้วย ส่วนเครือญาติผู้น้องเมื่อมองเห็นเครือญาติผู้พี่ตายไปซึ่งๆหน้า กำเนิดมีลักษณะสิ้นหวัง ก็เลยขอแยกทางจากหลวงปู่เพื่อกลับไปอยู่ที่บ้าน หลวงปู่หลิวก็เลยได้เดินทางเพียงลำพัง กระทั่งกระอีกทั้งถึงหมู่บ้านชาวกระเหรี่ยง หลวงปู่ได้เรียนเวทมนตร์ จากหัวหน้าชาวกระเหรี่ยงอยู่ยาวนานหลายปี วิชาที่เรียนนั้นใช้สำหรับฆ่าคน มีอีกทั้งแนวทางผูกและก็แนวทางแก้ ตั้งแต่ปรุงยาสมุนไพร ยาสั่ง ยาพิษ ยางไม้ยางน่อง การปลุกเสกหนังควาย เสกหุ่น การเล่าเรียนวิชาผีตายโหง เรียกวิญญาณเสือสมิงเรียกวิญญาณพญาเต่าเรือน

กลับมาเหม็นตุภูเขามิครั้งแรก

เมื่อกลับมาบ้านบิดามารดาต่างพอใจ เมื่อรู้ภูมิหลังหลวงปู่ได้ทดสอบการใช้วิชาที่เรียนมาพร้อมกับพวกมิจฉาชีพ พวกมิจฉาชีพเมื่อเข้ามาชิงทรัพย์หมู่บ้านก็โดนผีบิดไส้บ้าง โดนหนังควายบานในท้องบ้าง อื่นๆอีกมากมาย ก็เลยรู้ดีว่ามีคนดีมีฝีมือ รอคุ้มครองปกป้องอยู่ ก็เลยมากมายราบขออภัยลาโทษ ทำให้หมู่บ้านหนองอ้อมีความสงบสุขอีกรอบหนึ่ง

หลวงปู่ได้กลับไปเรียนวิชาจากหัวหน้าชาวกระเหรี่ยงอีกรอบหนึ่ง เพื่อนำมาช่วยเหลือประชาชน ในคราวนี้หลวงปู่ได้เรียนแพทยศาสตร์แผนโบราณ การดูกาลยาม แนวทางการทำกะตรุดคงกระพันชาตรีจากหนังเสือแล้วก็ข้อไผ่

ชีวิตที่ยังไม่เปิดเผย

ต่อจากนั้นหลวงปู่ได้กลับมาทำการเกษตรตามปก ในขณะนี้ท่านได้แยกตัวออกมาดำเนินการของตน ท่านทำหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งยังเผาถ่าน เก็บเห็ดขาย แม้กระทั้งรับจ้างทำไร่ก็เคย ตอนที่ท่านทำไร่นี้ท่านก็ไดรู้สึกชื่นชอบรวมทั้งอยู่กินกับ นางหยด แล้วก็มีลูกชายหนึ่งคน

สู่โลกที่ธรรม

เมื่อท่านได้ดำรงชีวิตอยู่กับนางหยดระยะหนึ่งแล้ว ได้สัมผัสกับความวุ่นวายในสังคมมนุษย์ ความโลภละโมบ ความโมโห ความหลง อวิชชาราคะราคะต่างๆท่านเริ่มเฝ้ามองความเป็นไปต่างๆด้วยความเบื่อจนตราบเท่าท่านอายุ 27 ปีท่านได้กำเนิดความน่าเบื่อสุดๆสำหรับเพื่อการช่วงชิง ชิงดีกัน ซึ่งผิดกับนิสัยที่จริงจริงของท่าน หลวงปู่หลิวก็เลยได้ขอพ่อ คุณแม่ เพื่อบวชสืบเสาะหาแนวทางที่การหลุดพ้น หลวงปู่หลิวได้บวชบรรพชาในเขตสังฆกรรมโบสถ์วัดโบสถ์ ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดจังหวัดราชบุรี ตอนวันที่ 1 เดือนมิถุนายน พุทธศักราช2478 (วันเสาร์ แรม 15 เย็น เดือน 6) เวลา13.00 น. โดยมีหลวงพ่อโพธาภิรมย์ วัดบ้านเลือก เป็นอุปัชฌาย หลวงพ่ออินทร์ (อาจารย์โด่งดัง จังหวัดจังหวัดราชบุรี) วัดโบสถ์ เป็นพระคำประกาศจารย์ รวมทั้งมีพระคุณครูห่อ วัดบ้านเลือก เป็นพระอนุสาวที่นาจารย์ หลวงปู่หลิวได้รับสมญานามจากอุปัชฌายะว่า “ปณฺณโก” แสดงว่าผู้บริบูรณ์แล้ว เมื่อบรรพชาแล้วท่านได้มาจำพรรษาในวัดหนองอ๋อ ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้าน เพื่อเล่าเรียนทางพระปริยัติธรรมและก็ปฏิบัติวิปัสนาการเข้าฌานพร้อมๆกัน อีกทั้งมีความสบายสบายเนื่องจากว่ามีวงศ์ญาติและก็ราษฎรให้ความอุปฐากอปิ้งสนิทสนม ในปีแรกนั้นท่านได้ช่วยวัดสร้างกี่กระตุก (ที่ทอผ้า) ขึ้นปริมาณ 50 ชุด รวมทั้งได้ช่วยเจ้าอาวาสสร้างศาลาการเปรียญข้างหลังใหญ่

เรียนคาถาอาคมเพิ่มบารมี

ภายหลังสำเร็จภารกิจสำหรับเพื่อการก่อสร้างแล้วท่านได้ไปโปรดคุณครูชาวกระเหรี่ยง สร้างความปลาบปลื้มแก่คุณครูหัวหน้าเผ่าและก็ราษฎร ที่หลวงปู่เป็นลูกศิษย์รู้คุณ ในโอกาสนี้หลวงปู่หลิวยังได้รับการถ่ายทอดอาคมมหามนต์ มหาเวทย์ของชาวมอญ อันเป็นกลยุทธ์วิชาที่คุณครูชาวกระเหรี่ยงเคยบวชอยู่หลายปีหลังจากนั้นหลวงปู่หลิวได้วกลงใต้ ไปกราบหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดก้อนอิฐ จังหวัดเพชรบุรี ฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อแดงได้ขึ้นกัมมัฏฐานให้ และก็สอนวิชาตั้งใจ เข้าญาณสมาบัตำหนิ สอนอักขระเลขยันต์ต่างๆตลอดจนการเขียนลบผงอำนาจศักดิ์สิทธิ์เจ ปัทถมัง ตรีนิสิงเห อื่นๆอีกมากมาย แล้วหลังจากนั้นไปกราบบิดาท่านเหมือน วัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช บิดาท่านเหมือนได้เมตตาสอนกลยุทธ์วิชาต่างๆให้ด้วยความปราณี ในขณะนี้เองหลวงปู่หลิวได้เจอกับคุณครูอุ่ม เสือสมิง “จอมขมังเวทย์ชาวใต้” หลวงปู่หลิวได้ธุดงค์มาถึงตลาดห้วยลอด นครศรีธรรมราช ได้เจอชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ใหญ่โต สักยันต์สุดกำลัง….ทราบในวันหลังว่าชื่อคุณครูอุ่ม เป็นคุณครูสักยันต์ด้วยนำมันเสือ ได้เข้ามาพนมมือ ขอให้ช่วยเป่ากระหม่อมให้หน่อย หลวงปู่หลิวดูด้วยสายตาก็รู้ว่า ชายผู้นี้มีเวทมนตร์ต้องการจะมาลองดี ก็เลยบอกไปว่า”ของๆโยมดีอยู่แล้ว” แม้กระนั้นคุณครูอุ่มกลับไม่ยินยอม ดักหน้าดักข้างหลัง หลวงปู่ทนเบื่อหน่ายไม่ไหวก็เลยเป่ามนต์ไปที่หัว เมื่อจะต้องมนต์บริเวณใบหน้าของคุณครูอุ่มแปรไปในทันที ดวงตาเบิกกว้าง อ้าคำให้การราม เหมือนเสียงเสือ ยก 2 แขนกางมือจะตะครุบใส่ หลวงปู่หลิวใช้มือขวาคว้าหัวกดหัวลงกับพื้น ปากก็ตวาดว่า “เสือ..เสือ…ผู้ใดไม่เคยมองเห็นเสือมาดูทางนี้” ราษฎรร้านค้าตลาดแตกตื่น พากันวิ่งมาดูพระธุดงค์มือซ้ายหามกลด แล้วก็เครื่องแปดบริขารรุงรัง มือขวากดหัวชายร่างใหญ่ หมอบดิ้นไปๆมาๆเหมือนเสือ หลวงปู่ก็เลยถามคำถามว่า “ยอมไหม” เสือคุณครูอุ่มก็เลยบอกขึ้นว่า” ยอม …ยอมแล้ว…ยอมแล้วขอรับ ปล่อยมือเหอะขอรับ หัวผมจะแตกอยู่แล้ว” พอเพียงหลวงปู่หลิวเอามือออก คุณครูอุ่มก็คลานไปกราบแทบจะเท้าขอโทษลาโทษ ไม่นึกว่าพระธุดงค์ชายหนุ่มรูปนี้จะมีวิชาเกินกำลัง ปากก็พร่ำว่า “ผมยอมแล้ว” แล้วก็ยังบอกถัดไปอีกว่า “ขนาดบิดาท่านเหมือน วัดสวนขัน ยังไม่กล้าจับหัวผมเลย” และพนมมือนิมนต์ให้ไปเยี่ยมสำนัก หลวงปู่หลิวทำใจดีสู้เสือ ที่สำนักของคุณครูอุ่ม เลี้ยงผี เลี้ยงกุมารทองคำ เดินเพ่นพ่านไปหมด หลวงปู่หลิวก็เลยสะกดไว้ด้วยเวทย์มนต์ของคุณครูชาวกระหยียง คุณครูอุ่มได้นำหนังสือโบราณต่างๆมาอวด พร้อมกับมอบเหล็กสักยันต์ เครื่องรางของขลังต่างๆพร้อมด้วยแม่พิมพ์พระเครื่องลาง แม้กระนั้นหลวงปู่หลิวปฏิเสธ หลวงปู่หลิวคงจะรับไว้แม้กระนั้นแม่พิมพ์พระขนาดมหึมา เป็นรูปพระพุทธปางมารวิชิตนั่งบัว มีรัศมี ด้านข้างมีฉัตร มีความรู้สึกว่าจะนำแม่พิมพ์นี้ไปกดพระแจกแก่ลูกศิษย์รวมทั้งผู้มีจิตเชื่อถือ หลวงปู่ให้ชื่อพระเครื่องนี้ว่า “พระประตูชัย” หลวงปุ่สร้างเป็นพระเนื้อดินเผา ใต้บานมีตะกรุด 1 ดอก

แล้วต่อจากนั้นท่านได้ไปฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หลวงพ่ออุ้ม จังหวัดจังหวัดนครสวรรค์ การผลิตเสนาสนะรวมทั้งบูรณแก้ไขฟื้นฟู

พุทธศักราช2482 ได้ซ่อมแซม วัดท่าเสา จังหวัดจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านได้สร้างกุฎีขึ้น 3 ข้างหลัง และก็โบสถ์อีก 1 ข้างหลัง

พุทธศักราช2484 ท่านไดไปจำพรรษาในวัดสนามแย้ จังหวัดจังหวัดกาญจนบุรี ท่านได้ซ่อมสิ่งต่างๆล้นหลามไม่ว่า กุฎี วิหาร ศาลาการเปรียญ และก็โบสถ์ จนกระทั่งมีความเจริญก้าวหน้า จนกระทั่งมีชื่อเสียงกันดีของราษฎรทั่วๆไป อุดมการณ์ที่การผลิตสรรค์ปรับปรุงของหลวงปู่หลิวสืบต่อการปฏิบัติการตลอดในวัดสนามแย้ที่นี้ เป็นเวลายาวนานถึง 36 ปี ท่านมีความคิดเห็นว่าแนวทางการทำงานของท่านควรแก่เวลาแล้ว ควรจะกระจัดกระจายไปสู่ถิ่นอื่นบ้าง

พุทธศักราช2520 สร้างวัดไทรทอง ที่ ตำบลตะไข้เผือก อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดจังหวัดกาญจนบุรี ให้เวลาก่อสร้าง 5 ปีก็เลยเสร็จ

พุทธศักราช2525 สร้างวัดไร่แตงทองคำ ที่ ตำบลทุ่งลูกนก อำเภอกำแพงแสน จังหวัดจังหวัดนครปฐม รวมทั้งได้ครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไร่แตงทองคำ ช่วงวันที่ 7 เดือนมิถุนายน

พุทธศักราช2535 กลับมาตุๆภูเขาไม่อีกรอบหนึ่ง

เมื่อหลวงปู่หลิวได้ปรับปรุงวัดไร่แตงทองคำ จนกระทั่งเป็นที่รุ่งโรจน์แล้ว ท่านได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไร่แตงทองคำ แล้วได้ย้ายกลับมาจำพรรษยังวัดหนองอ๋อ อำเภอโพธาราม จังหวัดจังหวัดราชบุรี อันเป็นวัดถิ่นกำเนิด อีกรอบหนึ่ง ช่วงวันที่ 15 เดือนธันวาคม พุทธศักราช2540 ท่านกลับมาจำพรรษาในฐานะพระลูกวัดองค์หนึ่งแค่นั้น ท่านใช้เวลาสร้างกุฎีข้างหลังใหม่ด้วยเวลาเพียงแค่ 5 เดือนเศษ

สิ้นแล้วหลวงปู่หลิว

เริ่มเข้ากลางปี พุทธศักราช2543 ภายหลังจากพิธีการพุทธาภิเษกวัตถุบูชารุ่นเสาร์5 เป็นต้นมา หลวงปู่หลิวเริ่มป่วยด้วยโรคแก่ ปรัชญาอันลึกซึ้งของหลวงปู่หลิว ระหว่างที่ท่านป่วย ก็คือเฉยชากับการจะอยู่หรือการจะไป ร่างกายของผู้คนเป็นของผสม เมื่อถึงเวลาสิ้นใจก็จำต้องสิ้นบุญ หลวงปู่หลิวเคยเปรยกับบุตรหลานว่ากำเนิดที่หนองอ๋อก็ต้องการตายที่หนองอ๋อ และก็แม้ว่าถึงเวลาที่ท่านจำต้องจากไปก็อย่าได้หน่วงเหนี่ยวท่านไว้ เพราะเหตุว่าการเวียนว่ายตายเกิดคือเรื่องปกติของผู้คน ในกลางคืนวันจันทร์ที่ 4 เดือนกันยายน พุทธศักราช2543 เวลา 20.35 น. หลวงปู่หลิวได้ละสังขารอย่างสงบเงียบท่ามกลางบุตรหลานที่รอมาดูจิตใจเป็นคราวสุดท้าย ที่กุฎีของท่าน วัดหนองอ๋อ อำเภอโพธาราม จังหวัดจังหวัดราชบุรี รวมอายุ95 ปี 74 ปี

CD. -> https://chalamnoi.wordpress.com



ผู้ตั้งกระทู้ นักบุญปีศาจ (Dead-bylonman-at-hotmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2020-10-20 17:13:55 IP : 49.49.249.236


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2013 All Rights Reserved.