ReadyPlanet.com


ความน่ากลัวของโรคโควิด


 

วัววิด-19 น่าขนลุกมากมายเท่าใด เทียบเคียงสถิติ “ติดเชื้อโรค-เสียชีวิต” ทั้งโลก

ช่วงวันที่ 18 เดือนกันยายน 2563 ผมมองเห็นข่าวสารของสถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีแจ้งว่า อังกฤษกำหนดให้ประเทศสิงคโปร์รวมทั้งเมืองไทยอยู่ในกรุ๊ปประเทศที่คนที่เดินทางมาจากประเทศดังที่กล่าวมาข้างต้นไม่ต้องกักบริเวณ “quarantine-free” เมื่อเดินทางเข้าอังกฤษ (แต่ว่าคนประเทศไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวอังกฤษอาจจะต้องวางแผนให้รอบคอบสำหรับเพื่อการเดินทางกลับมายังเมืองไทย และก็อาจจำต้องกักบริเวณ 14 วัน)    Pussy888

ผมมีข้อคิดเห็นว่า แนวความคิดของคนประเทศไทยในวันนี้นั้น กลัววัววิด-19 มากยิ่งกว่าโรคอื่นๆทุกโรค แล้วก็ดูราวกับว่าอยากที่จะให้เมืองไทยอยู่อย่างไม่มีวัววิด-19 ซึ่งต่างจากประเทศอื่นๆที่กำลังปรับนิสัยให้อยู่ให้ได้ กับการระบาดของวัววิด-19 ที่อยู่ในข้อจำกัดที่ระบบสาธารณสุขต่อกรได้ เพราะว่าการปิดประเทศเพื่อปราศจากวัววิด-19 นั้น จะมีต้นทุนทางด้านเศรษฐกิจที่สูงเกินกว่าคนจำนวนมากในหลายประเทศจะยอมรับได้

 

ผมได้คัดเลือกตัวเลขการได้รับเชื้อรวมทั้งการตายของประชากรในประเทศอังกฤษ เยอรมนี ประเทศฝรั่งเศส แล้วก็อเมริกา มาเปรียบเทียบกับเมืองไทย เพื่อสะท้อนให้มีความเห็นว่าการอยู่กับวัววิด-19 กับการอยู่โดยไม่มีวัววิด-19 นั้น แตกต่างเช่นไร ดังปรากฏในตาราง

ที่เลือกอังกฤษ เยอรมนี ประเทศฝรั่งเศส ก็เพราะเหตุว่าประเทศดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นประเทศที่ปรับปรุงแล้ว ที่มีความหมายทางด้านเศรษฐกิจ และก็ยังมีปริมาณมวลชนใกล้เคียงกับเมืองไทย กล่าวอีกนัยหนึ่ง อังกฤษมีมวลชน 67.95 ล้านคน เยอรมนี 83.83 ล้านคน รวมทั้งประเทศฝรั่งเศส 65.30 ล้านคน แต่ว่าจะมองเห็นได้ว่าจำนวนการรับเชื้อใหม่รายวันในตอนต้นก.ย.อยู่ในระดับที่สูงมากมาย ดังเช่นว่า 1,700 รายที่อังกฤษ 1,430 รายที่ประเทศเยอรมัน 7,720 รายที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเทียบกับเมืองไทยมิได้เลย เนื่องจากภายในประเทศไทยนั้นไม่มีเชื้อโรคมายาวนานหลายเดือนแล้ว

 

ที่สำคัญเป็นในประเทศดังที่กล่าวถึงมาแล้วก็ยังมีการเสียชีวิต เนื่องจากว่าวัววิด-19 ทุกวี่วัน ได้แก่ 11 ผู้ที่อังกฤษ 8 ผู้ที่เยอรมนี และก็ 21 ผู้ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งผมกลับมั่นใจว่าแม้เมืองไทยเจอผู้ติดโรคในประเทศ (โดยที่ยังไม่ต้องเสียชีวิต) ก็น่าจะกำเนิดความตื่นตระหนก รวมทั้งความโกลาหลอย่างมากมาย แต่ว่าพวกเราเกือบจะมิได้มองเห็นรายงานอันใดเลย ที่แสดงความห่วงใยกับการเสียชีวิตด้วยเหตุว่าวัววิด-19 เป็นหลักสิบในประเทศดังที่กล่าวถึงแล้ว

 

ส่วนในกรณีของประเทศสหรัฐนั้นนับได้ว่ามีปริมาณผู้ติดเชื้อโรครายใหม่มากขึ้นถึง 47,000 รายต่อวัน แล้วก็มีคนเสียชีวิตจากวัววิด-19 วันละ 1,100 คน ซึ่งผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาของสหรัฐมีความน่าวางใจสูงเป็นDr.Anthony Fauci เคยพูดว่า ต้องการมองเห็นปริมาณผู้ติดเชื้อโรควัววิด-19 รายใหม่ ในสหรัฐน้อยลงเหลือ 10,000 รายต่อวัน

 

หลักสำคัญเป็นประเทศสหรัฐมีมวลชนมากยิ่งกว่าเมืองไทยโดยประมาณ 5 เท่า ฉะนั้น แม้พวกเราย่อขนาดประเทศสหรัฐให้มีประชาชนพอๆกับเมืองไทย ก็ย่อมแปลได้ว่าสหรัฐ (ที่ย่อขนาดมาพอๆกับไทย) จะถูกใจถ้าเกิดเจอผู้ติดเชื้อโรครายใหม่ วันละ 2,000 คน รวมทั้งมีคนเสียชีวิตเนื่องจากว่าวัววิด-19 “เพียงแค่” 220 คน (1,100/5) ต่อวัน ซึ่งผมมั่นใจว่าชาวไทยคงทำอะไรผิด ถ้าเกิดเมืองไทยอยู่ในสถานการณ์ดังที่กล่าวมาแล้ว

 

แล้วเพราะอะไรหลายประเทศที่ไม่ใช่เมืองไทยก็เลยรู้สึกว่า มวลชนของเขาจะสามารถอยู่ร่วมกับวัววิด-19 ได้ ?

 

คำตอบแรกเป็น สถิติปัจจุบันสะท้อนว่าคนที่เสียชีวิตต่อปริมาณคนที่ตรวจเจอว่าติดเชื้อโรค (case fatality rate หรือ CFR) นั้น น้อยลงไปๆมาๆก เป็นครั้งแรกที่วัววิด-19 ระบาดหนักในสหรัฐ และก็ยุโรปในม.ย.นั้น CFR มากถึง 8.5% แม้กระนั้นเมื่อเวลาผ่านไป มาถึงสิงหาคมก็พบว่า CFR ต่ำลงเหลือเพียงแค่ 2.1%

 

จริงอยู่ ปริมาณคนที่เสียชีวิตทั้งปวงบนโลกใบนี้จากวัววิด-19 นั้น สูงขึ้นยิ่งกว่า 900,000 คนแล้ว รวมทั้งปริมาณมีแต่ว่าจะมากขึ้นในอนาคต แม้กระนั้นท่านรู้ไหมว่า มนุษย์เสียชีวิตด้วยเหตุว่าโรคติดต่อทุกประเภทบนโลกนี้ไปแล้ว 9,000,000 คน ตั้งแต่ต้นปีนี้ ถึงสิ้นเดือนก.ย.

แม้กระนั้นความหวาดกลัวก็คือความหวาดกลัว แล้วก็กรณีของวัววิด-19 นั้น คงจะได้ยินข่าวสารเกี่ยวกับการที่วัววิด-19 มีผลเสียอย่างหนักรวมทั้งกว้างใหญ่ กับอวัยวะสำคัญของร่างกาย และก็กำลังกลายพันธุ์ ทำให้ติดต่อได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น ตลอดจนภูมิต้านทานก็บางทีอาจอยู่ได้เพียงแต่ระยะสั้นๆอื่นๆอีกมากมาย

 

ด้วยเหตุผลดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องจะมาดูรายงานศึกษาว่า วัววิด-19 นั้นทำให้เป็นอันตรายเช่นไร แล้วก็มีอันตรายมากมายน้อยแค่ไหน

 

หัวข้อสำคัญที่ผมจำต้องขอย้ำอีกทีหนึ่งเป็น ข้อมูลที่แจ่มแจ้งว่ารูปร่างคนตายต่อปริมาณคนที่ตรวจเจอว่าติดโรค หรือ CFR นั้นลดน้อยลงเป็นอย่างมาก จาก 8.5% เป็น 2.1% ซึ่ง CFR ต่ำลงอย่างยิ่งในประเทศปรับปรุงแล้ว ได้แก่ อังกฤษนั้น ในม.ย.เจอผู้ติดโรครายใหม่ โดยประมาณ 4,000-5,000 รายต่อวัน และก็มีผู้ตาย 1,000 รายต่อวัน แม้กระนั้นในก.ย. มีผู้ติดเชื้อโรครายใหม่โดยประมาณวันละ 3,000-4,000 คน ในเวลาที่ปริมาณผู้ตายลดน้อยลงเหลือแค่ 10-15 คนต่อวัน

 

ชี้ให้เห็นว่าคงจะมีการวิเคราะห์คัดเลือกกรองคนที่อยู่ในข่ายน่าสงสัยเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็การดูแลรักษาพยาบาลเพื่อช่วยเหลือคนป่วยนั้น ทำเป็นอย่างมีคุณภาพแล้วก็ประสิทธิผลเยอะขึ้นเรื่อยๆอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน

 

ดังนี้ แม้ว่าจะมิได้ศึกษาค้นพบยารักษาที่ทำลายเชื้อเชื้อไวรัสวัวโรน่าสายพันธุ์ใหม่ได้อย่างราบคาบ หรือศึกษาและทำการค้นพบวัคซีนคุ้มครองปกป้องโรคดังกล่าวข้างต้นอะไร

 

ปัญหาเป็นกระบวนการเยียวยารักษาวัววิด-19 นั้นปรับปรุงไปเช่นไร ก็เลยทำให้รูปร่างผู้ตายน้อยลงอย่างยิ่ง ซึ่งหมายความว่าวัววิด-19 จะไม่อันตรายรวมทั้งน่าสยดสยองอย่างเคยเป็น เมื่อม.ย. แม้ว่าจะได้โอกาสที่จะมีการระบาดรอบสอง ก่อนที่จะมานะหาคำตอบ ผมจะต้องขอกล่าวถึง อีกตัวแปรหนึ่งที่สำคัญมากกว่า CFRหมายถึงinfection fatality rate (IFR) อย่างเช่น ปริมาณคนที่เสียชีวิตจากวัววิด-19 ทั้งปวงหารด้วย ปริมาณคนที่ติดเชื้อโรคเชื้อไวรัสวัวโรน่าสายพันธุ์ใหม่ทั้งหมดทั้งปวง ทั้งยังคนที่ได้รับการรับรองว่าติดเชื้อโรครวมทั้งคนที่ไม่เคยไปตรวจ (แล้วก็อาจจะไม่มีอาการ) แม้กระนั้นติดโรคดังที่กล่าวผ่านมาแล้วแต่ว่าหายสนิทไปแล้ว



ผู้ตั้งกระทู้ อาซาชิ :: วันที่ลงประกาศ 2021-05-20 12:25:20 IP : 49.49.239.132


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2013 All Rights Reserved.